บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2020

เมอร์ไลอ้อน (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"เมอร์ไลอ้อน" (Merlion) คือสัตว์สมมติที่เป็นสัญลักษณ์แห่งประเทศสิงคโปร์ มีรูปร่างเป็นสิงโต มีหางเป็นปลา และอยู่บนยอดคลื่น โดยปัจจุบันมีรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนทั้งหมด 5 ตัวในประเทศสิงคโปร์ เมอร์ไลอ้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ที่เกาะเซนโตซ่า แต่เมอร์ไลอ้อนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด และถือเป็นแลนด์มาร์คหลักของประเทศสิงคโปร์ ก็คือเมอร์ไลอ้อนสีขาวที่ตั้งอยู่ ณ Merlion Park บริเวณริมอ่าวมารีน่าเบย์ ประเทศสิงคโปร์ เมอร์ไลอ้อน นั้นถูกออกแบบโดย ฟราเซอร์ บรูนเนอร์ ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟในปี พ.ศ. 2507 จากนั้นในปี พ.ศ. 2509 เมอร์ไลอ้อนได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์และเครื่องหมายการค้าของคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในภายหลังก็ถูกใช้เรื่อยมาในวงกว้างจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ รูปปั้นเมอร์ไลอ้อนที่มีชื่อเสียงนั้นถูกสร้างขึ้นโดยช่างที่มีชื่อว่า ลิม นาง เส็ง (Mr.Lim Nang Seng) สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยในคราวแรกนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ได้ถูกย้ายถัดมาอีก 120 เมตร มาตั้งอยู่ที่สวนเมอร์ไลอ้อน (Merlion Park) ริมอ่าวมาร

การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์" (Gardens by the Bay) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางเมตรของอ่าวมารีน่า เบย์ ประเทศสิงคโปร์ ใช้งบประมาณในการสร้างสูงถึง 1,035 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท ภายในมีการออกแบบอาคารสิ่งปลูกสร้างที่มีความโดดเด่นสวยงาม และส่วนที่มีพื้นที่มากที่สุดและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกนั่นคือ Bay South Garden ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Cloud Forest, Flower Dome และ Supertree ที่มีทางเดินลอยฟ้า OCBC Skyway เป็นไฮไลท์ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay) หนึ่งในโครงการของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ต้องการยกระดับประเทศให้เป็น ”เมืองในสวน” ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนและเป็นแหล่งท่องเที่ยว นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของประเทศสิงคโปร์จึงได้ประกาศแผนการก่อสร้างการ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ ขึ้นในปี ค.ศ. 2005 โดยมีการประกวดแผนการออกแบบสวนขึ้นในปี ค.ศ. 2006 มีสองบริษัทที่เป็นผู้ชนะและได้เป็นผู้ออกแบบสวน คือบริษัท Grant Associates และ Dominic White จากประเทศอังกฤษ พื้นที่ภายในสวนแบ่

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง" เป็น 1 ใน 2 สถาบันอุดมศึกษาของรัฐขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ เป็นมหาวิทยาลัยทางด้านเทคนิคที่มีชื่อเสียงทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี จากการศึกษาของ QS World University Rankings ในปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง อยู่ในลำดับที่ 13 ของโลก และลำดับ 2 ในทวีปเอเชีย รองจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ 2524 โดยในตอนแรกเปิดสอนเพียง 3 ภาควิชาได้แก่ วิศวกรรมโยธาและการก่อสร้าง,วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์, วิศวกรรมเครื่องกลและการผลิต ต่อมาในปี ในปี พ.ศ 2530 ได้มีการโอนย้ายคณะบัญชีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมการจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัย เนื่องจากมีนักศึกษาเพิ่มขึ้นถึง 6,832 คน รัฐบาลได้ประกาศให้สถาบันการศึกษาแห่งชาติเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันและเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยางจนถึงปัจจุบัน ที่นี่มีความโดดเด่นในเรื่องวิศวกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจและทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวก็คือ สถาปัตยกรรมอาคารที่สวยงามแปลกตา โดยเฉพาะตึกเข่งติ่มซำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเ

มารีน่า บาร์ราจ (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"มารีน่า บาร์ราจ" (Marina Barrage) เป็นเขื่อนที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวมารีน่า เบย์ นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์รอบอ่าวบนสนามหญ้าซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าของเขื่อนที่จะสามารถมองเห็นแลนด์มาร์กของเมือง อาทิเช่น โรงแรม Marina Bay Sands, Gardens by the Bay และ Singapore Flyer ที่เรียงรายอย่างสวยงามทั้งเวลากลางวันและกลางคืน มารีน่า บาร์ราจ (Marina Barrage) เป็นเขื่อนแห่งที่ 15 ของประเทศสิงคโปร์และเป็นแห่งแรกในใจกลางเมือง อยู่บริเวณช่องแคบมารีน่าซึ่งเป็นที่รวมของเส้นทางน้ำถึง 5 สายที่มาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้ำสิงคโปร์ คลองแสตมฟอร์ด คลองโรชอว์ แม่น้ำกาลัง แม่น้ำกีลัง กลายเป็นที่กักเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดและมีความเป็นเมืองมากที่สุด เขื่อนแห่งนี้เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีลี กวน ยู ริเริ่มสร้างโดยการเปิดปากช่องแคบมารีน่าเพื่อสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำจืดและเป็นต้นแบบในการผลิตน้ำสะอาดไว้ใช้ภายในประเทศ ทั้งยังมีหน้าที่ปรับลดระดับน้ำในช่วงน้ำท่วม นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีกิจกรรมทางน้ำ อาทิเช่น ล่องเรือ พายเรือคายัค พายเรือมังกร นับเป็นความ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ" ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เป็นโลกใต้ท้องทะเล ที่มีสัตว์น้ำกว่า 800 ชนิดอาศัยอยู่ มีทั้งปลากระเบน Manta Ray ที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อขนาดใหญ่, ปลาเก๋ายักษ์, ปลานโปเลียนหรือ ปลานกขุนทองหัวโหนก และสามารถดูฉลามแบบใกล้ชิดได้มากกว่า 200 ตัว นอกจากนี้ยังมีปลาไหลมอเร่ย์ที่ชอบหลบอยู่ตามซอกหิน ด้วยพันธุ์ สัวต์น้ำที่หลากหลาย ทำให้ S.E.A. Aquarium แห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะในชีวิตจริงนั้นสามารถพบเห็นได้ยากเพราะบางชนิดอยู่ลึกลงไปยังใต้ท้องทะเล บ่อขนาดใหญ่ที่จำลองชีวิตสัตว์ใต้ท้องทะเลของช่องแคบสุมาตรา ซึ่งอยู่บริเวณตะวันออกของเกาะสุมาตรา เมื่อเดินเข้าไปที่โซนนี้จะรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ที่พื้นทรายใต้ทะเล มีเพียงกระจกบานใหญ่ที่กั้นระหว่างเราและโลกมหาสมุทร ที่บริเวณก้นบ่อนั้นจะมีซากเรือจมซึ่งเป็นที่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด เช่น ปลานโปเลียนและปลาเก๋ายักษ์ หนึ่งในโซนยอดฮิตที่เด็กๆชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะจะได้ลองจับและสัมผัสกับสัตว์ทะเลจริงๆแบบใกล้ชิด เช่น ปลาดาวและปลิงทะเล โซนนี้จะได้พบกับสัตว์ทะเลหน้าตาแปลกๆหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ปลาตีน (mudskippers)

ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ" เป็นสวนสนุกระดับโลกที่สร้างขึ้นโดยบริษัทเอ็นบีซียูนิเวอร์แซล และยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์ หนึ่งในหกสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งภายในสวนสนุกนั้นได้มีการนำภาพยนตร์ชื่อดังมากมายของสตูดิโอมาดัดแปลงเป็นธีมต่างๆ ตามเนื้อเรื่องเพื่อมอบความสนุกและความบันเทิงให้กับผู้เข้าชม ปัจจุบันสวนสนุกของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ มีทั้งหมด 4 แห่งทั่วโลก คือที่รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และที่ประเทศสิงคโปร์ โดยตั้งอยู่บนเกาะเซนโตซ่า เกาะแห่งความบันเทิงที่มีชื่อเสียงในบริเวณตอนใต้ของประเทศ สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ (Universal Studio) เป็นสวนสนุกของบริษัทยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์แห่งที่ 2 ในทวีปเอเชีย ต่อจากประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการก่อสร้างสวนสนุกแห่งนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 19 เมษายน 2008 ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 2 ปี จึงเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มีนาคม 2010 

วัดเทียนฮกเก๋ง (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"วัดเทียนฮกเก๋ง" (Thian Hock Keng Temple) เป็นวัดจีนที่มีจุดประสงค์หลักในการสร้างเพื่อบูชาเจ้าแม่แห่งท้องทะเล หรืออีกชื่อหนึ่งว่าเจ้าแม่ทับทิม (Ma Zu) ซึ่งถือเป็นวัดที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ด้วยลวดลายและฝีมือการแกะสลักที่ประณีตบรรจง คนส่วนใหญ่จะเน้นขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความสงบสุข ชีวิตคู่ที่ยั่งยืนและราบรื่น ตั้งอยู่ในถนนทีล็อก อาเยอร์ ประเทศสิงคโปร์ วัดเทียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple) ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1839 โดยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากชาวฮกเกี้ยนผู้มีชื่อเสียง อาทิ เศรษฐีผู้ใจบุญนามว่า ตัน ต็อก เส็ง (Tan Tock Seng) วัดเทียนฮกเก๋งเป็นวัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ โดยเล่ากันว่า ชาวจีนอพยพในยุคแรกๆ เคยมาทำพิธีไหว้เพื่อขอบคุณองค์เทพเจ้าที่วัดแห่งนี้ที่ได้ปกป้องคุ้มครองให้พวกเขาเดินทางฝ่าคลื่นลมอันบ้าคลั่งในทะเลจีนใต้จนสามารถขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงมากจนถึงขั้นเป็นที่สนพระทัยของจักรพรรดิกวังซวี่ แห่งต้าชิง (Qing Emperor Guang Xu) ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานแผ่นจารึกอักษรวิจิตรในภาษาจีนซึ่งเขียนว่า "โบ

วัดเจ้าแม่กวนอิม (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"วัดเจ้าแม่กวนอิม" เป็นวัดทางพุทธศาสนาในย่านบูกิสที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากทั้งสำหรับชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยว โดยจะมีผู้คนแวะเวียนมาสักการะเจ้าแม่กวนอิมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ และ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพราะมีความเชื่อว่าใครที่มาขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมในวัดแห่งนี้แล้วจะได้สมความปรารถนา ตั้งอยู่ในย่านบูกิส ประเทศสิงคโปร์ วัดเจ้าแม่กวนอิม ถูกสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2427 บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการสักการบูชาเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพแห่งความเมตตา และต่อมาในช่วงราวปี พ.ศ. 2526 ได้มีการปรับปรุงพร้อมกับขยายพื้นที่ของบริเวณวัดให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยมีการเพิ่มเติมในส่วนของการนำสถาปัตยกรรมแบบจีน รวมทั้งคำจารึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาจัดแสดงให้ผู้ที่แวะเวียนมาวัดแห่งนี้ได้ชมกัน เนื่องด้วยจำนวนผู้คนที่มาสักการะเป็นจำนวนมาก จึงมีการห้ามถ่ายรูปภายในตัววัด และหากพนักงานของวัดมาเก็บธูปของคุณออกจากกระถางหลังจากคุณปักลงไป เพื่อให้ผู้มาสักการะคนถัดมามีที่ปักธูปได้

วัดพระเขี้ยวแก้ว (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"วัดพระเขี้ยวแก้ว" เป็นวัดชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของฟันหรือพระทนต์ของพระพุทธเจ้าเอาไว้ที่ชั้นบนสุดของวัด ได้รับการออกแบบและวางแนวคิดโดยพระอาจารย์ Shi Fa Zhao ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสของวัด ประกอบกับความช่วยเหลือของที่ปรึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนกลายเป็นวัดสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ ประเทศสิงคโปร์ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) สร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1,875 ล้านบาท ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในแบบประเทศจีนในสมัยราชวังถัง ผสมผสานกับศิลปะแบบแมนดาลาจากทิเบต และเปิดทำการในปี ค.ศ. 2007 ที่ผ่านมา อาคารของวัดแบ่งออกเป็น 4 ชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นห้องโถงใหญ่สำหรับสวดมนต์ ทำพิธีทางศาสนา และเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน และพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิม นอกจากนี้ที่ผนังทั้งสองฝั่งยังประดับไปด้วยพระพุทธรูปองค์เล็กๆจำนวนมากอย่างงดงาม ส่วนบริเวณชั้นที่ 2 และ 3 เป็นพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์วัดพระเขี้ยวแก้ว จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะ แล

วัดศรีมาริอัมมันต์ (ประเทศสองคโปร์)

รูปภาพ
"วัดศรีมาริอัมมันต์" วัดฮินดูโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ตั้งอยู่ในไชน่าทาวน์ (China Town) หรือที่ชาวไทยเรานิยมเรียกจนติดปากกันว่า “วัดแขก สิงคโปร์” รอบๆ ตัวอาคารของวัดทั้งภายในและภายนอก จะมีปะติมากรรมรูปปั้นและรูปแกะสลักลงสีสันสดใสของเทพเจ้า เทพธิดา และสัตว์ร้ายในเทพนิยาย มีความเชื่อกันว่าหากคุณเดินตามเข็มนาฬิการอบพระอุโบสถวัดให้เป็นเลขคี่ คุณจะโชคดี และในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนของทุกปี จะมีประเพณีลุยไฟทิมิติ (Timiti) ถือเป็นเทศกาลสำคัญประจำปีของวัดนี้ เมื่อย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1827 วัดฮินดูแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวอินเดียที่อพยพมาจากเขตนาคาปัทนัม (Nagapatnam) และเขตคุดดาลอร์ (Cuddalore) ทางตอนใต้ของอินเดีย ยังมีชื่อเรียกขานในยุคนั้นว่าวัดมาริอัมมันต์โควิล หรือวัดถนน 'กลิง' (Kling Street Temple) วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายเจ้าแม่มาริอัมมันต์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือกันว่าเจ้าแม่องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการรักษาอาการเจ็บป่วยและโรคภัยต่าง ๆ เชื่อกันว่าโครงสร้างส่วนใหญ่ของวัดฮินดูแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ถ

คลาร์กคีย์ (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
"ย่านคลาร์กคีย์" (Clarke Quay) เป็นย่านท่องเที่ยวและกินดื่มริมแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งได้รับความนิยมทั้งสำหรับชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายในย่านแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีความคึกคักเป็นพิเศษตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงตอนกลางดึก ตั้งอยู่ในย่านคลากคีย์ ประเทศสิงคโปร์ ย่านคลาร์กคีย์ (Clarke Quay) มีประวัติยาวนานมาร่วม 150 ปี ในฐานะที่เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่ใช้ขนถ่ายสินค้าจากสำเภาโบราณที่แล่นมาจากทั้งตะวันออกและตะวันตก โดยในอดีต ย่านแห่งนี้ถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับโกดังเก็บสินค้าที่ได้รับมาจากการค้าขายทางเรือ เนื่องจากมีพื้นที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ใกล้กับอ่าวมาริน่าเบย์ ปัจจุบันพื้นที่ของย่านคลาร์กคีย์ได้รับการปรับภูมิทัศน์และสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่มีชื่อเสียงของประเทศสิงคโปร์ โดยมีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ ซึ่งอาคารบางส่วนดัดแปลงมาจากโกดังเก็บสินค้าในอดีต ส่วนเรือที่ใช้ขนถ่ายสินค้าในอดีตนั้นก็ได้นำมาดัดแปลงเป็นเรือนำเที่ยวในปัจจุบัน ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปชมความสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์และอ่าวมาริน่าเบย์

มาริน่า เบย์ (ประเทศสิงคโปร์)

รูปภาพ
มาริน่า เบย์ เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่อ่าวมารีนา ประเทศสิงคโปร์ นับเป็นอาคารที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ171พันล้านบาทไทย ทั้งนี้มาจากราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวที่มีมูลค่าสูง พัฒนาโดยบริษัทลาสเวกัสแซนส์ มารีนาเบย์แซนส์มีขนาดพื้นที่ 581,000 ตารางเมตร นับตั้งแต่ที่สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2010 ประกอบไปด้วยโรงแรม, ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ, โรงภาพยนตร์, สถานบันเทิง, ภัตตาคารและร้านค้าต่าง ๆ จุดท่องเที่ยวริมน้ำริมปากอ่าวของสิงคโปร์ เป็นที่ตั้งของร้านค้าหรูหรา ภัตตาคารห้าดาว ร้านสินค้าแบรนด์เนม โรงภาพยนตร์ โรงละครชั้นนำ และรีสอร์ท – คาสิโนชื่อดังระดับโลก มาริน่า เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sands) จุดปากอ่าวจุดนี้ ถือเป็นหัวใจหลักของเมืองและเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองจุดอื่นๆ และไม่ไกลจากชิงช้าสวรรค์ยักษ์ (Singapore Flyer) ที่ว่ากันว่าเป็นอีกฟากหนึ่งของ ลอนดอน อาย (The London Eye) ในฝั่งเอเชีย

เกาะลังกาวี (ประเทศมาเลเซีย)

รูปภาพ
"ลังกาวี" ตั้งอยู่ในทะเลอันดามันใกล้ฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซียตะวันตก ขึ้นกับรัฐเกอดะฮ์ ประเทศมาเลเซีย ลังกาวีห่างจากเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูลของประเทศไทยเพียง 4 กิโลเมตร อยู่ห่างจากเมืองกัวลาปะลิสประมาณ 30 กิโลเมตร และเมืองกัวลาเกอดะฮ์ 51 กิโลเมตร ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเมืองร้อนจำนวน 99 เกาะ และเป็นที่รู้จักของชาวไทยและมาเลเซียจากตำนานของมะห์สุหรี สตรีผู้ถูกประหารด้วยความอยุติธรรม โดยนางได้สาปแช่งเกาะลังกาวีไว้ก่อนสิ้นใจ และการนำทายาทรุ่นที่ 7 ของเธอมาถอนคำสาป ช่วงเวลาท่องเที่ยวลังกาวีที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงกลางเดือนเมษายน – เดือนสิงหาคม เป็นช่วงที่อากาศดี ไม่แห้งเกินไปและไม่มีฝน โดยเฉพาะช่วงเช้านั้นอากาศจะดีมาก อีกช่วงรองลงมาที่สามารถเที่ยวได้คือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนเมษายน อากาศจะค่อนข้างแห้งและมีฝนตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นสามารถเที่ยวได้อย่างสบายๆ เลย ที่เกาะลังกาวียังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติอยู่มาก และมีสถานที่เที่ยวหลากหลายให้ได้ลองไปพักผ่อนกัน ที่นี่ตั้งอยู่ในทะเลฝั่งอันดามัน และสามารถเดินทางจากสตูลได้ด้วย